.: คำถามยอดฮิต การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ "อเมริกันบูลลี่" :.

        หลายๆ ท่านที่เริ่มเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ คงสงสัยว่า “บูลลี่” เป็นอย่างไร? ดุไหม? เลี้ยงยากไหม? ฯลฯ กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลาพอสมควร วันนี้ผมพอมีเวลาเขียนบทความนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รวบรวมคำถามยอดฮิต แบบว่าเจอบ่อยมากเลยครับ ลองมาอ่านดูครับ

ทีเอ็นทีเคนแนล_tnt_kennel_ฟาร์มพิทบูล_ฟาร์มบูลลี่_พิทบูล_บูลลี่_บูลลี่นครปฐม.jpg
         1. “บูลลี่” ต่างจาก “พิทบูล” อย่างไร? นิสัยดุไหม?

        ตอบว่า...ในสมัยก่อนนั้น “บูลลี่” ยังไม่มีนะครับ มีแต่ “พิทบูล” ในสายต่างๆ แต่หลังๆ มาก็เริ่มมี “บูลลี่” เกิดขึ้นในอเมริกา จนพัฒนามาเรื่อยๆ เมื่อก่อนน่ะดุครับ ดุกับสุนัขด้วยกันมาก แต่กับคนก็ตามสิ่งแวดล้อม...แต่...ในปัจจุบัน “บูลลี่” ไม่มีความดุร้ายหลงเหลืออยู่เลยครับ!!! นั่นเป็นเพราะการผสมผสานระหว่างสายพันธุ์อื่นๆ เข้าด้วยกันกับพิทบูล ในปัจจุบันเรียกว่า “Exotic Bully” (เอ็กโซติกบูลลี่) ก็มีหลากหลายขนาดนะครับ Micro, Pocket จะได้รับความนิยมสูง ทั้งนี้ ขอให้ดูนิสัยพ่อ-แม่เป็นหลัก และประกอบกับสภาพแวดล้อมของผู้เลี้ยงด้วยครับ...ถ้า “บูลลี่” ของแท้ต้อง ไม่ดุ หน้าโหด ใจดี นิสัยน่ารัก ติงต๊อง ฉลาดแกมโกงหน่อยๆ เลี้ยงแล้วจะติดใจนะครับ^^

 
         2. เราจะเลือกซื้อสุนัขอย่างไร? ทำไมราคาถูก-แพง?

        ขอตอบแบบนี้นะครับ...ปัจจุบันบูลลี่นั้นแพร่หลายมากในไทย มีบรีดเดอร์ (ผู้เพราะพันธุ์) จำนวนมาก ทำให้ราคานั้นผันผวนอย่างมาก นั่นอาจจะเป็นผลดีกับผู้ซื้อ แต่อาจจะเป็นผลเสียกับบรีดเดอร์ครับ แต่ส่วนใหญ่ที่ราคาหลักพันนั้นจะเป็นพวกพิทบูลผสมบูลลี่ หรือเป็นบูลลี่ในสายเก่าเสียมากกว่า บูลลี่ที่ผมกล่าวในข้อ 1 นั้นยังคงมีราคาสูงกว่า ที่พบเจอก็ประมาณ 1 หมื่น บวกลบนิดหน่อยครับ ก็คงเป็นลูกหลานสายโน้นนี้ไปเรื่อย ก็ให้พิจารณาจากตัวพ่อตัวแม่นะครับ ส่วนเรื่องใบรับรองสายพันธุ์นั้นมีมากมาย แต่ถ้ากลุ่มราคาสูงจะต้องมีใบจากอเมริกา เช่น ใบ UKC, ABR, USBR, IBR, IBKC เป็นต้น ในส่วนของผมเองทำไมแพงกว่า? คือพ่อพันธุ์ของผมนั้นนำเข้ามาจากอเมริกาโดยตรง ราคาจะสูง ถือว่าเป็นต้นสายในเมืองไทยครับ แม่พันธุ์นั้นผมก็คัดมาอย่างดี เก็บตัวสวยๆ นิสัยดีๆ ไว้พัฒนาต่อครับ
อยากจะขอฝากเรื่อง “ราคา” “ต้นทุน” การเลี้ยงดูลูกสุนัขนั้นมีต้นทุนสูง ทำไมขายถูก? ทำไมขายแพง? จะลองยกตัวอย่างให้ฟังสักนิดนะครับ ต้นทุนคร่าวๆ มีดังนี้
        2.1 ค่าผสมพ่อพันธุ์มีหลายระดับ ตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน
        2.2 ในขณะที่ตั้งท้องอัดนมวันละ 4-8 กล่องขึ้นไป (ถ้านมแพะจะแพงมาก)
        2.3 สุนัขบางตัวต้องผ่าคลอด ค่าผ่ามีตั้งแต่ 3,500-12,000 บาท
        2.4 การเลี้ยงดูอนุบาลลูกสุนัข บางท่านให้กินนมแพะ ลังละ 1,500 บาทขึ้นไป หมดเร็วมากๆ จ่ายทีเหงื่อตกกันเลยทีเดียว
        2.5 พอเริ่มกินอาหารได้ ก็อยากให้สวย กินอาหารลูกสุนัขแพงๆ เช่น รอยัลคานินสตาร์ทเตอร์ หรืออาหารกระป๋องอย่างดี หมดกันหลายพันหลายหมื่นบาท
        2.6 ทุกข้อที่กล่าวมา รวมแล้วต้นทุนตัวนึงไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท อยู่ที่ว่ามีเฉลี่ยกี่ตัว!!!

        ทีนี้มาดูว่าทำไมบางคนขายถูกได้!!! ส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขที่ผสมกันเอง ไม่เสียค่าผสม กินอยู่ตามปกติ ไม่ได้อัดอะไร คลอดเองได้ตามธรรมชาติ แม่พันธุ์เลี้ยงลูกเองได้ เราไม่ต้องช่วยเลย ไม่ต้องอัดนม พอโตขึ้นมาหน่อยก็กินอาหารเม็ดธรรมดาหรืออาหารทั่วไปได้...ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่า ไม่มีต้นทุนอะไรเลย ดังนั้นจะขายเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ...ก็พิจารณากันไปตามเหตุตามผล เชื่อผมนะครับว่า “ของถูกเกินไป” ไม่ค่อยได้ดี “ของแพงเกินไป” ต้องเลือกให้ดี ผมเอาใจช่วยนะคร้าบบบ^^
        คราวหน้าผมจะมาต่อเจาะลึกกันในเรื่อง อาหารการกิน, เรื่องลักษณะรูปทรง, เรื่องการดูแล แบบละเอียดครับ ขอบคุณครับ
ต้อม TNT
31/1/2562


 

.: ตอนที่ 2 : .: จะเลี้ยง "บูลลี่" ควรดูแลอย่างไร? :.

จากคราวที่แล้วผมได้อธิบายลักษณะนิสัยและการเลือกซื้อบูลลี่คร่าวๆ ไปแล้ว วันนี้จะมาอธิบายต่อในเรื่องอาหารการกินของบูลลี่, เรื่องลักษณะรูปทรงบูลลี่, เรื่องการดูแลบูลลี่

ทีเอ็นทีเคนแนล_tnt_kennel_ฟาร์มพิทบูล_ฟาร์มบูลลี่_พิทบูล_บูลลี่_บูลลี่นครปฐม.jpg
         2.1 อาหารการกินของบูลลี่ และการดูแลบูลลี่

        ก่อนอื่นตอนที่เรารับมาจากฟาร์มนั้น ควรมีอายุอย่างน้อย 45 วัน ฟาร์มนั้นจะทำวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม เป็นวัคซีนรวม 5 โรค เพื่อป้องกันโรค แต่จากประสบการณ์แล้วผู้เลี้ยงควรระวังมากที่สุดคือโรคลำไส้อักเสบ อันตรายมาก เป็นง่าย หายยาก ถึงขั้นเสียชีวิตได้ง่าย พาหะนั้นมาได้หลายทาง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอะไรที่เข้าทาง ปาก เช่น คางคก หนู สัตว์เลื้อยคลานตามดิน สนามหญ้า หรือมือเด็กไปเล่นแล้วไม่ได้ล้างมือ สุนัขไปเลีย กัดเล่น ก็ติดได้...อาการเริ่มแรกจะไม่กินอาหาร ซึม ท้องเสีย แล้วก็ถ่ายเป็นเลือด ค่ารักษาแพงมากๆ แต่ทำเองได้นะครับ ไว้ค่อยเล่า^^...มาเข้าเรื่องก่อนทีนี้บูลลี่กินอะไร? อาหารที่บูลลี่ต้องการผมจะแยกเป็นระยะ 2-7 เดือน ต้องเน้น โปรตีนมากๆ เช่น เนื้อไก่,โครงไก่บด+ไข่ต้ม+อาหารเม็ด เนื้อไก่ดิบหั่นเป็นชิ้น โครงไก่สดบดละเอียด คลุกรวมกัน ไป...ทีนี้บางท่านอาจจะไม่ชอบอาหารดิบ ก็สามารถใช้สับละเอียดเนื้อไก่รวนให้สุกได้ อาหารสดดีอย่างไร? โปรตีนได้เต็มที่ แล้วพยาธิจะเยอะไหม? ผมถ่ายพยาธิแค่ตอน 3 เดือน จากนั้นแทบไม่ต้องถ่ายพยาธิเลยครับ ให้ คิดว่าสุนัขจิ้งจอกหรือหมาป่า อยู่ได้อย่างไร? อ่ะแล้วทำไมต้องโครงไก่บด? โครงไก่บดจะช่วยให้อุจจาระไม่เหลว เก็บง่าย มีแคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ทั้งหมดนั้นสัดส่วนรวมกันแล้วจะทำให้ร่างกายกำยำ บึกบึน สมกับ เป็นบูลลี่ที่ดูน่าเกรงขาม สง่า หน้าตาดุดัน เอาเรื่อง แต่...มันติงต๊องจริงๆ นะ555 น่ารักมากๆๆ อันนี้ต้องลอง ช่วง ระยะ 7-12 เดือน ช่วงนี้กระดูกเค้าจะกว้างมาก ไหล่กว้าง เนื้อตัวจะแน่น ช่วง 12 เดือนขึ้นไป หัวจะโต เบ่งบาน เป็นร่องหัวสวยงาม จะหยุดโตช่วง 18 เดือน (ปีครึ่ง)...ส่วนเรื่องอากาศก็มีผล เนื่องจากบูลลี่ต้องอ้วน ถ้าผอมจะ ไม่สวยไม่หล่อ จึงต้องกินเยอะหน่อย ตัวหนาๆ ถ้าอากาศร้อน เค้าจะไม่ค่อยกิน ลิ้นจะห้อยตลอดเวลา ทนต่อ สภาวะความร้อนมากไม่ได้ ควรเลี้ยงในที่เย็นสักหน่อย ยิ่งหน้าร้อนนี่ยิ่งเสี่ยงเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายครับ


         2.2 เรื่องลักษณะรูปทรงบูลลี่
        บูลลี่นั้นมีรูปทรงแตกต่างกันออกไป หลากหลายขนาด ถ้าตามมาตรฐานที่ประกวดกันจะมีทรง Pocket, Compact, Standard, Extreme (ดูมาตรฐานในหน้านี้ http://www.tnt-kennel.com/standard.htm) แต่ในปัจจุบันช่วงปีที่ เขียนนี้ 2562/2019 จะนิยมทรงเล็กลงมาอีกคือ Micro Bully มันคืออีหยังหว่า? ขนาดจะเล็กกว่า Pocket ซึ่งสูง 16 นิ้วลงมาอีก เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักก็ประมาณไม่เกิน 28 กิโลกรัม เล็กแต่กว้าง หนา อ้วนเตี้ย กำยำ บึกบึน คิดแล้ว อาจจะจินตนาการไม่ถูก อยากให้เข้ามาชมจะได้เข้าใจจริงๆ หรือติดตามในช่อง Youtube/TNTBULLY ก็ได้นะครับ


ต้อม TNT
30/4/2562