.: ถามมา-ตอบไป...ข้อสงสัยสำหรับผู้ที่สนใจจะเลี้ยง อเมริกันบูลลี่!!! :.
        จากประสบการณ์ที่ผ่านมี มีลูกค้าหลายๆ ท่านสอบถามมากันเป็นจำนวนมาก มีข้อสงสัยต่างๆ นานาเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ หรือ อเมริกันพิทบูล ในสไตล์บูลลี่นี้ มีลักษณะแบบไหน? อย่างไร? ซึ่งผมก็พยายามตอบคำถามทุกคนเท่าที่ผมจะมีเวลา แต่มันก็เยอะจริงๆ นะครับ เอางี้ละกัน ผมจะเขียนรวบรวมคำถามและคำตอบมาให้ทุกๆ ท่านได้อ่านได้ศึกษากันตรงนี้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ
 

 
01 : อยากเลี้ยงพิทบูล มันเป็นยังไงครับ?

        ผมจะอธิบายย้อนหลังโน่นเลย จะได้รู้จักต้นตอกันเลยครับ : สืบเนื่องจากสมัยก่อนประเทศไทยเราเพิ่งเริ่มนิยมเลี้ยงอเมริกันพิทบูลใหม่ๆ แค่เราได้ยินชื่อสุนัขพันธุ์นี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่า ดุ โหด ร้าย กัดเก่ง เมื่อประมาณปี 2550 ผมก็เริ่มศึกษาถึงนิสัยใจคอของเจ้าพิทบูลนี้ เริ่มจากเพื่อนแนะนำเลยครับ ตอนแรกกะจะเลี้ยงอาเซเชี่ยนเฝ้าบ้านด้วยซ้ำ เพื่อนบอกว่าเลี้ยงพิทบูลสิพี่ สนุกนา...เฮ้ย แล้วมันโหดไม่ใช่เหรอพันธุ์เนี๊ยะ มันจะกัดเราไหมน่ะ...ไม่ดุหรอกพี่ กับเจ้าของมันไม่มีอะไรเลย...จริงเหรอวะ เราไม่เชื่อ มันก็ชวนไปดูที่บ้านมัน...มันอธิบายให้ฟังว่า มันมีสองแบบนะพี่ "สายกัด" กะ "สายโชว์" ไอ้ที่มันเลี้ยงอยู่น่ะคือสายโชว์ ต้นตระกูลมันคือสายรัสเซีย นำเข้ามา ในขณะนั้นก็มี สายรัสเซียนี่แหล่ะที่ดูจะล่ำบึ้ก ก็มีสายแกฟ สายอเมริกันสแตฟฟอร์ด สีออกน้ำตาล นิยมส่งเข้าประกวด บูลลี่ยังไม่เกิดในเมืองไทยเลยครับ ผมก็ได้สัมผัสกับพละกำลังอันทรงพลังของมัน ทั้งโดดกัดสปริงโพล กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ขนาดตัวกลางๆ สูงประมาณ 18-20 นิ้ว ดูน่าเกรงขามมาก แล้วผมก็ไปได้ลูกสุนัขมา 1 ตัว ในตลาดนัดจตุจักร ขอบอกเลยว่าโดนหลอกขายมาครับ เขาบอกมีใบเพ็ด แล้วก็มีจริงๆ เป็นใบสมาคมอะไรม่ายรู้ แต่ก็ช่างเถอะครับ ตัวนี้ผมเอามาเลี้ยงเฝ้าบ้านเฉยๆ แต่ก็แอบหวังว่าเมื่อโตมาอาจจะมีคนอยากผสมมันก็ได้นาา
        นิสัยใจคอ : น่ารัก ชอบเล่นบ้าพลัง กัด กระชาก และที่สำคัญ อย่ามีอะไรที่มันกัดได้ไว้ใกล้ๆ ตัวมันเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะพังพินาศหมดครับ อาทิเช่น รองเท้า โซฟา แม้กระทั่งสวน สนามหญ้า มันขุดซะเละ!
        การเจริญเติบโต :
                ช่วงอายุ 1-3 เดือน ช่วงอายุนี้จะเป็นช่วงนี่น่ารักที่สุด เราต้องให้อาหารอย่างดีที่สุด
                ช่วงอายุ 3-7 เดือน จะเป็นช่วงยืดตัว อาจจะดูสูงขึ้น โย่งๆ หน่อยนะครับ
                ช่วงอายุ 7-12 เดือน จะเป็นช่วงที่เริ่มออกด้านข้าง คือจะล่ำขึ้นหน่อย แต่หัวยังไม่ออกนะครับ
                ช่วงอายุ 12-18 เดือน จะเป็นช่วงที่หัวเริ่มเบ่งบาน แบ่งร่องด้านบนระหว่างใบหู คนเลี้ยงอาจจะไม่รู้สึก เพราะชินตา เห็นทุกวัน แต่เพื่อนที่ไม่เคยเจอจะบอกได้เลยว่าหัวใหญ่ขึ้นมาก และลำตัวก็เริ่มมีน้ำมีนวล สมบูรณ์ขึ้น
                ช่วงอายุ 18 เดือนขึ้นไป จะเป็นช่วงหนุ่มใหญ่ ทุกสัดส่วนจะลงตัวมากที่สุด ดูหนาแน่นมากขึ้น
สถานที่เลี้ยง : ควรมีบริเวณที่เป็นปูนหยาบๆ ไม่มัน ขามันจะได้ไม่ลื่น โตมาขาจะได้ไม่แบะ มีกรงใส่ มีอุปกรณ์กันยุงหรือจุดยากันยุง

 

 
02 : อยากเลี้ยงพิทบูล!!!! มันมีสายเลือดยังไงบ้างครับ

        ควรเริ่มจากศึกษาตัวเองก่อนครับ ว่าชอบแบบไหน อย่างไร? พิทบูลมีหลากหลายสายพันธุ์ในขณะนี้ (พ.ศ.2557) ในส่วนของสายกัดผมจะไม่ขอแนะนำให้เลี้ยงนะครับ ส่วนสายโชว์มีสายพันธุ์ต่างๆ ดังนี้
พวกรุ่นเก่าก็จะเป็นสายรัสเซีย, แกฟ, สแตฟฟอร์ดไชน์ พวกนี้ราคาอยู่ประมาณไม่เกิน 5 พันบาท เดี๋ยวนี้ไม่ทำใบเพ็ดดีกรี (Pedigree) กันแล้วครับ บางคนเอาไว้เฝ้าบ้านก็ดีนะครับ โหดหน่อย แรงขับเยอะแน่นอน ผมก็เลี้ยงเฝ้าบ้านอยู่
        ส่วนพวกรุ่นใหม่คืออเมริกันบูลลี่ มีหลายแนวเช่นกัน ต้นสายคือ เรเซอร์เอจ (Razors Edge) (R.E.) ต้นกำเนิดจาก เดฟ วิลสัน (http://www.tnt-kennel.com/dave_history.htm) สาย RE นี้มีพ่อพันธุ์ดังๆ หลายตัวเช่น ไคโร (Cairo) มานู (Manu) เรมี่ (Remy) พอจ่ายลูกดีเค้าก็จะแยกตัวออกมาเป็นแนวของเขา ก็อาจจะเรียกตัวเองว่า Remy Line เป็นต้น
        สายที่ฮอตฮิตแยกตัวมาจาก RE อีกทีก็คือ ก็อตติไลน์ (Gottiline) สมัยก่อนพวกนี้จุดเด่นคือ อกกว้าง โหนกคอสวย แต่ข้อเสียคือ ลำตัวยาว พ่อพันธุ์ดังๆ เช่น ฮวนก็อตติ (Juan Gotti) โบกี้ (Boogie) โกไลแอท (Goliath) พอจ่ายลูกดีก็จะแยกตัวออกมาเป็นสไตล์ของตัวเอง เช่น โกไลแอทเรียกตัวเองว่า คิงพินไลน์ (Kingpin Line) ไมค์แลนด์ (Mikeland) บูลลี่แคมป์ไลน์ (Bully Camp Line) แดกไลน์ (Dax Line) อี.โอ.จี.ไลน์ (EOG Line)
        ประมาณปี 2555-2556 มีพ่อพันธุ์ชื่อดังกำเนิดขึ้นมาแถวหน้าของวงการอาทิเช่น แดกซ์ (Dax) มิอากิ (Miagi) บูลอาย (Bulleye)
        ปลายปี 2556 เริ่มมีการพัฒนาสายพันธุ์ในสไตล์ "เอ็กโซติกบูลลี่" (Exotic Bully) ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมบูลลี่แนวนี้เป็นการบรีดแบบผสมผสาน เล่นทางลัดกันเลยทีเดียว ถ้าดูตามในใบเพ็ดดีกรีแล้ว พ่อ-แม่ รูปร่างหน้าตาแบบนั้น จ่ายลูกออกมามันไม่ควรจะมีหน้าตา ย่น มู่ทู่ เล็ก สั้น กระดูกใหญ่ ผิดปกติทุกอย่าง มันมาได้อย่างไร??? ผมไม่ขอพูดตรงนี้นะครับ แล้วแต่จะพิจารณา โปรดใช้วิจารณญาณของตนเองครับ

 

 
03 : อยากเลี้ยงพิทบูล!!!! รู้สายแล้ว ยังไงต่อ จะต้องเริ่มยังไงดี?

        ผมแนะนำเลยว่าให้เลี้ยง "บูลลี่" ไปเลย เพราะส่วนใหญ่จะมีคำถามต่อมาว่า ดุไหม? อยู่กับเด็กได้ไหม? มันจะเป็นมิตรกับเราไหม? เลี้ยงบูลลี่เลยครับ นิสัยของมันคือ "หน้าโหดแต่ใจดี" คำนี้ผมพูดเสมอ จริงๆ แล้วมันออกจะติงต๊อง ไม่เหมาะกับหน้ามันเลย ผมชอบบูลลี่ที่ตรงนี้ ดูหน้าเกรงขาม แต่ไม่ดุร้าย ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับตัวพ่อแม่มันด้วย ผมจะคัดเลือกแต่สุนัขที่นิสัยดีๆ เวลาลูกค้ามาดูที่บ้านเค้าจะกลัว ไม่กล้าแม้จะเข้าใกล้ แต่จริงๆ ให้เริ่มต้นที่ลูกสุนัขเลยครับ ถ้าชอบใหญ่ๆ เลี้ยงเฝ้าบ้านก็เอาตัวผู้ไป แต่ถ้าเผื่ออนาคตไว้ต่อสาย มีลูกมีหลาน เลี้ยงตัวเมียก็ดี โดยปกติถ้าโตเต็มที่ตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมียนะครับ

 

 
04 : การดูแล อาหารการกิน พิทบูลในสไตล์บูลลี่

        เรื่องนี้ต้องขยาย เพราะคนส่วนใหญ่เลี้ยงบูลลี่จนกลายเป็นกระจง สูง แหลม ปรี๊ด ไม่ต้องโทษใครครับ โทษตัวเอง!!! ผมบอกลูกค้าเสมอว่า สายเลือดผมทำให้แล้ว 30% ส่วนการดูแลอยู่ที่คุณ 70% ลูกสุนัขบูลลี่ทุกตัวต้องการสารอาหารที่มากกว่าปกติ โปรตีน แคลเซียม สูงมากๆ ถึงจะดูเป็นบูลลี่จริงๆ แต่ถ้าท่านซื้อไปเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดธรรมดา กินเล่นไปวันๆ ก็อย่าคิดว่ามันจะสวยเหมือนพ่อพันธุ์นะครับ บูลลี่ไม่ใช่นักกิจกรรม ถ้าอยากให้มันอ้วนสวย ต้องรู้จักทำอะไรให้เป็นเวลา อย่าปล่อยให้เค้าเล่นจนลืมกิน ต้องรู้จักกินก่อนแล้วค่อยเล่น สูตรอาหารมีเคล็ดลับไม่ยาก แต่การทำให้หมาคุณกินเยอะๆ ปริมาณมากๆ นั้นยากครับ
        ผมขอแนะนำให้บูลลี่กินอาหารแบบดิบๆ โครงไก่บด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า กินดิบมันจะดุไหม?...ไม่เลย กินดิบมันจะมีพยาธิไหม...ไม่เลย หมาผมอ้วนมากดูดิ ไม่ต้องลังเลครับ หมาผมกินโครงไก่วันละ 1 กิโลกรัม แต่ถ้าเราต้องการบำรุงให้อ้วนมากๆ ให้กินวันละ 1.5 - 2 กิโลกรัม ต่อวัน รับรองอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ลองศึกษาอาหารประเภทนี้ดูครับ
                http://www.dogilike.com/content/caring/1688/
                http://www.feedmeplease.com/th/articles/13-best-to-worst-food-for-dog.html
                http://www.l3nr.org/posts/209277

 

 
05 : ทำไมราคาถูกแพงไม่เหมือนกัน? ต่างกันอย่างไร?

        ลูกสุนัขมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ราคาแตกต่างกัน คือ สายเลือด (เพ็ดดีกรี), ต้นทุนพ่อแม่พันธุ์, ต้นทุนการเลี้ยงดู, ความนิยม องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ราคาแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ราคาจะบอกได้ว่าคุณภาพก็จะแตกต่างกัน พอสมควร การเลี้ยงลูกสุนัข 1 คอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ให้กินนมแม่ อาหารใช้แบบปกติ แต่บางคนให้กินแบบพรีเมี่ยม ราคาแพงมาก ก็จะได้คุณภาพที่ดีมาก ลูกสุนัขสวยมาก จะให้ขายราคาถูกๆ ก็ขาดทุนแน่นอนครับ แล้วจะบรีดออกมาขายทำไม?
        ผมจะขอแนะนำให้ คุณต้องหัดดูใบเพ็ดดีกรี ว่าสายเลือดเป็นอย่างไร? พ่อ-แม่ เป็นใคร? มีที่มาที่ไปอย่างไร?แล้วจึงค่อยไปดูตัวสุนัข ใน 1 คอก จะมีความสวยแตกต่างกัน สายมากน้อยลดหลั่นกันลงไป ก็เหมือนคน พี่น้องกันยังหล่อสวยไม่เหมือนกันนะครับ ตัวไหนสวยสุด ก็จะแพงสุด แต่ผมจะแนะนำว่า จากประสบการณ์แล้ว บางทีตัวที่สวยรองๆ ลงมา อาจสวยกว่าตัวเลือกแรกได้ แต่เป็นไปได้ค่อนข้างยากครับ และไม่เสมอไป

 

 
        วันนี้ผมมีเวลารวบรวมมาให้อ่านกันเล่น 5 ข้อก่อนนะครับ เอาไว้ว่างๆ จะมาเพิ่มให้อีก หากท่านใดมีข้อแนะนำ อยากสอบถามเพิ่มเติม ก็เข้ามาคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/tntkennel ถ้าผมมีเวลา ผมตอบให้ทุกคนครับ
        ขอให้สนุกกับการเลี้ยงพิทบูลตัวแสบของคุณ...ต้อม TNT...25/3/2557
 
















 
 
 
| HOME | MALES | FEMALES | BREEDINGS | PUPPIES | PHOTO GALLARY | WEBBOARD | LINKS |
Welcome to : http://www.tnt-kennel.th.gs E-mail contact : t_merlin9@hotmail.com Copyright 2006, TNT KENNEL. All Right Reserved.